วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เงื่อนเชือก







                                    เงื่อนเชือก

 



ความสำคัญของเงื่อนเชือก


ในอดีตมนุษย์รู้จักการนำเงื่อนมาใช้ในการดำรงชีวิต  โดยใช้เส้นใยที่เกิดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์  เยื่อเปลือกไม้ มาทำเป็นเชือกเพื่อผูกรัดหิน หรือวัสดุแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แล้วนำไปใช้เป็นอาวุธในการล่าสัตว์ ดังที่เราเห็นในสารคดีต่างๆ
                ต่อมาเมื่อมนุษย์ในยุคต่างๆเจริญมากขึ้น จึงเริ่มใช้เชือกที่ทำจากวัสดุดังกล่าวมาผูกรัดเป็นเงื่อนปม ใช้ในการมัดวัสดุต่างๆ เช่น มัดท่อนซุง ลำไม้ไผ่ เพื่อใช้ในการต่อเป็นพาหนะในการดำเนินชีวิต และล่าสัตว์หาอาหารทั้งทางบกและทางน้ำ โดยจะเห็นจากการที่มนุษย์เริ่มมีแพในการเดินทางทางน้ำ  การปลูกสร้างบ้านในสมัยโบราณ แลอื่นๆอีกมาก
                กิจกรรมลูกเสือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ต้องการให้ผู้ร่วมกิจกรรมรู้จักใช้วัสดุ ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาใช้ในการดำรงชีวิตเลียนแบบธรรมชาติเพื่อการดำรงความ เป็นอยู่อย่างอิสระโดยไม่พึ่งตนเองมากที่สุด ประกอบกับการเรียนรู้เรื่องเงื่อนเชือกเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งที่ลูก เสือจำเป็นต้องเรียนรู้  เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมในการอยู่ค่ายพักแรม  การสร้างฐานผจญภัย  การตั้งค่ายพักแรม  การใช้เงื่อนในการช่วยผู้เจ็บป่วย เป็นต้น



 คุณสมบัติของเชือกและประโยชน์ของการเรียนรู้เรื่องเงื่อนเชือก

ต้นมะพร้าว  เชือกที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมลูกเสือนั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน  ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะที่เชือกที่สำคัญ ๆ ดังนี้ คือ
1.             เชือกมนิลา  เป็นเชือกที่มีถิ่นฐานมาจากประเทศฟิลิปปินส์ มีคุณสมบัติเหนียวและแข็งแรง  เชือกมนิลานี้ทำมาจากต้นอะคาบา ซึ่งพบได้มากในประเทศฟิลิปปินส์ มีประโยชน์ในการใช้เป็นเชือกผูกเรือและใช้ร่วมกับรอกทำสลิง
2.              เชือกป่าน  ทำมาจาก ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ต้นเฮมพ์  มีสีเหลืองอ่อน มีความเหนียวในตัวมีความทนทานน้อย ผุกร่อนได้ง่าย  ดังนั้นการนำเชือกชนิดนี้มาใช้ จึงจำเป็นต้องนำไปชุบในน้ำมันดินเสียก่อนเพื่อให้เกิดความทนทานในการใช้งาน  ดังนั้นบางครั้งจึงเรียกเชือกชนิดนี้ว่า           “ เชือกน้ำมัน ” เชือกน้ำมันหรือเชือกป่านนี้ เป็นเชือกที่นำมาใช้ในงานลักษณะที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ทั้งนี้เพราะน้ำมันจะช่วยป้องกันการกัดผุกร่อนของน้ำได้เป็นอย่างดี
3.              เชือกกาบมะพร้าว  ทำมา จากกาบของเบา และสามารถลอยตัวในน้ำได้ดี เนื่องจากเชือกชนิดนี้ มีความฝืด และหยาบ ตลอดจนลอยตัวในน้ำได้ จึงนิยมนำมาใช้ในงานที่เกี่ยวกับการประมงเช่น การลากพ่วงเรือและการลากเรือ   เป็นต้น
4.             เชือกลวด เป็นเชือกที่ผลิตจากเส้นโลหะและ อโลหะผสมกัน การใช้เชือกชนิดนี้ต้องระมัดระวังการเกิดสนิมเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะโลหะที่นำมาใช้ในการถักทอนั้นมักเกิดเป็นสนิมได้โดยง่าย
เชือกลวด  แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท ซึ่งได้แก่
4.1      เชือกลวดชนิดอ่อน  ชนิดนี้เป็นเชือกลวดที่ใช้เชือกชุบน้ำมันมาทำเป็นไส้ ก่อนทำเป็นเกลียวเชือก คุณสมบัติของเชือกชนิดนี้  สามารถนำมาขด หรือพับได้ง่าย  และยังสามารถนำมาผูกได้อีกด้วย
4.2      เชือกลวดชนิดแข็ง ชนิดนี้เป็นเชือกลวดที่ใช้ลวดเส้นเล็กๆร้อยทำเป็นไส้ ชนิดนี้ใช้งานกับวัตถุประเภทหนักมากๆ  ไม่สามารถนำมาขด หรือพับได้ จึงมักใช้ประจำที่ในการใช้งาน
การบำรุงดูแลรักษาเชือกลวดทั้ง 2 ชนิดนี้ ควรหมั่นใช้น้ำมันหรือจารบีชโลม ให้ทั่ว  หลังเสร็จสิ้นการนำมาใช้งาน
5.  เชือกไนล่อน  เชือกชนิดนี้ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ซึ่งเรียกตามภาษาในท้องตลาดว่า “ ไนล่อน ” ปัจจุบัน ลูกเสือนิยมใช้เชือกชนิดนี้มาก  ทั้งนี้เพราะเชือกชนิดนี้มีคุณสมบัติ ที่เหนียว  มีความทนทาน แต่มีจุดอ่อนที่ มีราคาแพง  และยืดตัวมากกว่าเชือกชนิดอื่นๆ
เชือกชนิดต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น  เป็นเชือกที่นิยมใช้ในกิจกรรมของลูกเสือ ซึ่งแต่ละชนิด จะมีคุณสมบัติและประโยชน์แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน และคุณสมบัติของเชือกชนิดนั้นๆ
การนำเชือกมาผูกเป็นเงื่อนปมมีประโยชน์อย่างมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทและชนิดต่างๆของเงื่อนเชือก เช่น หากเป็นเงื่อนประมง จะมีประโยชน์ในกิจการที่เกี่ยวกับการประมง ซึ่งได้แก่ ใช้ในการต่อเชือกที่มีขนาดเดียวกันในการทำให้เชือกที่สั้นให้ยาวขึ้น  หรือใช้ต่อสายเอ็นตกปลา หรือใช้สำหรับผูกเพื่อเป็นที่ถือหิ้วภาชนะต่างๆเช่น คอขวด เป็นต้น  หรือเงื่อนผูกรั้ง เป็นเงื่อนที่ใช้ประโยชน์ในการจัดทำกิจกรรมได้หลายๆอย่าง เช่น สามารถใช้เงื่อนชนิดนี้ใน  การยึดเสาเต๊นท์  เสาธง   หรือ  สมอบก..


 การเลือกใช้เชือกเพื่อกิจกรรมลูกเสือ

   ในการเลือกใช้เชือกเพื่อทำกิจกรรมต่างๆในกระบวนการลูกเสือ ไม่ว่าจะเป็นการนำเชือกไปใช้ประโยชน์ในการประมง  การใช้เชือกในการลากซุง  การใช้เชือกในการทำฐานผจญภัย และการใช้เพื่อประโยชน์อื่นๆ  มีหลักการในการคำนวณการใช้เชือกเพื่อกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
**ความยาวของเส้นรอบวงตัวเชือก (ยกกำลังสอง)  =   แรงรับน.น.วัตถุ (คิดเป็นตัน)  18  , 9 , 6  หรือ  3)**
หมายเหตุ  :  ตัวเลข 18, 9 , 6 หรือ 3  เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการใช้เชือกในการรับน้ำหนัก    กล่าวคือ
                ขนาดเส้นรอบวงของเชือกที่มีความปลอดภัยสูงสุด    ใช้ ตัวเลข  18  ในการคูณในสูตร
                ขนาดเส้นรอบวงของเชือกที่มีความปลอดภัยสูง          ใช้ ตัวเลข   9  ในการคูณในสูตร
                ขนาดเส้นรอบวงของเชือกที่รับน้ำหนักเต็มที่               ใช้ ตัวเลข   6  ในการคูณในสูตร
                ขนาดเส้นรอบวงของเชือกที่มีอันตราย                          ใช้ ตัวเลข    3  ในการคูณในสูตร
ตัวอย่างที่ 1   หากเราต้องการสร้างฐานผจญภัยให้ มีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งรับน้ำหนักลูกเสือได้  200 กิโลกรัม (0.2 ตัน)  เราจะใช้เชือกที่มีขนาดเส้นรอบวงเท่าใด (ความปลอดภัยสูงสุดใช้ ตัวเลข  18 ในการคูณในสูตร)
สูตรในการคำนวณ
ความยาวของเส้นรอบวงตัวเชือก (ยกกำลังสอง)  =   แรงรับน.น.วัตถุ (คิดเป็นตัน)  18 
                                                                                                            =   0.2 ตัน9
ความยาวของเส้นรอบวงตัวเชือก (ยกกำลังสอง)=   1.8  ตัน


 **เงื่อนต่างๆที่ควรเรียนรู้**

ตามหลักสูตรของการรับเครื่องหมายลูกเสือโลก เงื่อนเชือกที่ลูกเสือจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อใช้ในการร่วมกิจกรรมลูกเสือ นั้น มีอยู่ด้วยกัน 10 เงื่อนเชือก ได้แก่
1.             เงื่อนพิรอด ( Square Knot or Reef  Knot )
2.             เงื่อนขัดสมาธิ ( Sheet Bend  Knot )
3.             เงื่อนผูกกระหวัดไม้ ( Two  Half  Hitch  Knot )
4.             เงื่อนบ่วงสายธนู ( Bowline   Knot )
5.             เงื่อนตะกรุดเบ็ด ( Clove Hitch Knot )
6.             เงื่อนประมง ( Fisherman   Knot )
7.             เงื่อนผูกซุง ( Timber  Hitch  Knot )
8.             เงื่อนผูกรั้ง ( Tarbuck   Knot )
9.             เงื่อนปมตาไก่ ( Stevedore’s  Knot )
10.      เงื่อนการผูกแน่น ( Lashing  Knot )
10.1  เงื่อนผูกประกบ  ( Sheer Lashing  Knot )
10.2  เงื่อนผูกกากบาด (Square Lashing  Knot )
10.3  เงื่อนผูกทะแยง (Diagonal Lashing  Knot )

วิธีผูกเงือนต่างๆ และประโยชน์ของเงื่อน

เงื่อนพิรอด

เป็นเงื่อนที่ใช้ประโยชน์มากในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะการต่อปลายเชือก 2 ข้างเข้าด้วยกัน ซึ่งเงื่อนนี้จะแน่นมากแต่ก็แก้ออกได้ง่าย

ประโยชน์

        1. ใช้ต่อเชือกขนาดเท่ากัน เหนียวเท่ากัน
        2. ใช้ผูกปลายเชือกเส้นเดียวกัน เพื่อผูกมัดห่อสิ่งของและวัตถุต่างๆ
        3. ใช้ประโยชน์ในการปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น ผูกชายผ้าพันแผล ผูกชายผ้า
        4. ผูกเชือกรองเท้า ผูกโบ


รูปภาพประกอบการเรียนรู้





เงื่อนขัดสมาธิ

เงื่อนขัดสมาธิเป็นเงื่อนที่มีประโยชน์ในการต่อเชือกที่มีขนาดต่างกัน หรือขนาดเท่ากัน โดยใช้เส้นใหญ่ทำเป็นบ่วง ส่วนเส้นเล็กเป็นเส้นพันขัด

ประโยชน์ 

         1. ใช้ต่อเชือกขนาดต่างกัน หรือขนาดเดียวกันก็ได้
         2. ใช้ต่อเชือกแข็งกับเชือกอ่อน (เส้นอ่อนเป็นเส้นพันขัด)
         3. ใช้ต่อเชือกที่ค่อนข้างแข็ง เช่น เถาวัลย์
         4. ใช้ผูกเชือกกับสิ่งที่มีลักษณะเป็นขอหรือหูอยู่แล้ว เช่น ธงชาติ
         5. ใช้ต่อเส้นด้าย เส้นไหมทอผ้า


รูปภาพประกอบการเรียนรู้








เงื่อนบ่วงสายธนู

เงื่อนบ่วงสายธนู เป็นเงื่อนที่ไม่รูด ไม่เลื่อนเข้าไปรัดกับสิ่งที่ผูก ตัวบ่วงจะคงที่

 ประโยชน์ 

       1. ใช้ผูกสัตว์ไว้กับหลักหรือต้นไม้ เป็นเงื่อนที่ไม่รูดและไม่เลื่อนเข้าไปรัด กับหลัก
           เพราะสามารถหมุนรอบได้
        2. ใช้ผูกเรือกับหลัก เมื่อเวลาน้ำขึ้นหรือน้ำลงบ่วงจะเลื่อนขึ้นลงได้เอง
        3. ใช้คล้องกันธนูเพื่อโก่งคันธนู
        4. ใช้คล้องคนให้หย่อนตัวจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำแทนเงื่อนเก้าอี้
        5. ใช้ผูกปลายเชือก ผูกถังตั้งหรือถังนอน

รูปภาพประกอบการเรียนรู้










เงื่อนประมง 

เงื่อนประมงเป็นเงื่อนที่ใช้สำหรับต่อเชือกที่มีขนาดเดียวกัน ซึ่งเป็นเงื่อนที่รู้จักกันทั่วไปอีกชื่อหนึ่งว่า เงื่อนหัวล้านชนกัน 

ประโยชน์ 

        1. ใช้ต่อเชือก 2 เส้นที่มีขนาดเดียวกัน
        2. ใช้ต่อเชือกเส้นด้ายเล็กๆเช่น ด้ายเบ็ด ต่อเส้นเอ็น
        3. ใช้ผูกคอขวดสำหรับถือหิ้ว(คอขวดที่มีขอบขวด)
        4. ใช้ใช้ต่อเชือกที่มีขนาดใหญ่ที่ลากจูง
        5. ใช้ต่อสายไฟฟ้า

รูปภาพประกอบการเรียนรู้








เงื่อนปมตาไก่

เงื่อนปมตาไก่เป็นเงื่อนที่ขมวดปลายเชือกให้เป็นปม แต่ถ้าต้องการให้ปมเชือกมีขนาด
ใหญ่ก็ขมวดหลายครั้ง 

ประโยชน์ 

         1. ใช้ผูกร้อยหูเต็นท์
         2. ทำปมบันไดเชือก
         3. สามารถผูกเป็นเงื่อนปากขวดได้

รูปภาพประกอบการเรียนรู้




เงื่อนผูกซุง


เงื่อนผูกซุงเป็นเงื่อนที่ใช้สำหรับผูกสิ่งของต่างๆ ให้ยึดติดกันแน่น ซึ่งเป็นเงื่อนที่มี
ลักษณะพิเศษ คือ ผูกง่าย แก้ง่าย แต่เป็นเงื่อนที่ยิ่งดึงยิ่งแน่น    ยิ่งดึงแรงมากเท่าไรก็จะยิ่ง
แน่นมากขึ้นเท่านั้น

ประโยชน์

        1. ใช้ผูกวัตถุท่อนยาว ก้อนหิน ต้นซุง เสา เพื่อการลากโยง
        2. ใช้ผูกทแยง
        3. ใช้ผูกสัตว์ เรือ แพไว้กับท่าหรือเสาหรือรั้ว ต้นไม้
        4. เป็นเงื่อนที่ผูกง่าย แก้ยาก



รูปภาพประกอบการเรียนรู้


เงื่อนตะกรูดเบ็ด


เป็นเงื่อนที่ใช้งานต่างๆ มากมาย เช่น ผูกสิ่งของต่างๆ ผูกเหล็ก ผูกรั้ว ผูกตอม่อในการสร้างสะพาน ผูกแขวนรอก ผูกสมอเรือ ผูกบันได ผูกเบ็ด



ประโยชน์

                                                1. ใช้ผูกเชือกกับเสาหรือหลักเพื่อล่ามสัตว์เลี้ยงหรือแพ
       2. ใช้ผูกบันใดเชือก บันใดลิง
                                     3. ใช้ในการผูกแน่น เช่น ผูกประกบ ผูกกากบาท

รูปภาพประกอบการเรียนรู้




เงื่อนผูกรั้ง


เงื่อนผูกรั้งเป็นเงื่อนที่ใช้ผูกยึดกับสิ่งอื่น ซึ่งเป็นเงื่อนที่มีลักษณะพิเศษ คือ สามารถปรับ


ให้ตึงหรือหย่อนได้ตามความต้องการ

ประโยชน์ 

       1. ใช้ผูกเสาเต็นท์ ยึดเสาธงกันล้ม ใช้รั้งต้นไม้
                 2. เป็นเงื่อนเลื่อนให้ตึงหรือหย่อนตามความต้องการ



นย

เงื่อนผูกร่ม

 
                      

ประโยชน์

                                        ๑. ใช้ผูกร่นเชือกตรงส่วนที่ชำรุดเล็กน้อย  เพื่อให้เชือกมีกำลังเท่าเดิม
๒. เป็นการทบเชือกให้เกิดกำลังลากจูง
         ๓. การร่นเชือกที่ยาวมากๆ ให้สั้น ตามต้องการ




                             เงื่อนเก้าอี้




ประโยชน์

เป็นเงื่อนกู้ภัยใช้ช่วยคนที่ติดอยู่บนที่สูง ไม่สามารถลงทางบันไดได้ หรือ
ใช้ช่วยคนขึ้นจากที่ต่ำ ใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับบ่วงสายธนู ๒ ชั้นยึดกันแน่น
โดยมีสิ่งของอยู่ตรงกลางภายในบ่วงเพื่อดึงลากสิ่งของไป ระหว่างจุด ๒ จุด








                                 

                                   เงื่อนคนลาก

 ประโยชน์


                    ใช้ทำบ่วงคล้องไหล่เพื่อลากสิ่งของ จูงสัตว์ ลากรถ ใช้พันหลัก ใช้ผูกลูกระนาด ใช้ผู้ลูกบันได

 

 


                                                                 

การผูกแน่น
สาระสำคัญ
           1.ผูกแบบผูกประกบ 2 แบบกากบาท  และแบบผูกทแยงได้
           2.บอกประโยชน์ของการผูกแบบ    ผูกประกบ 2  แบบกากบาท      และแบบผูกทแยงได้
           3.นำไปประกอบการใช้งานบุกเบิก ในชั้นสูงต่อไปได้
                       
การผูกแน่น
การผูกเชือกด้วยเงื่อนต่างๆในวิชาลูกเสือที่ลูกเสือได้เรียนและฝึกผูกมาแล้วหลายชนิด  เงื่อนแต่ละชนิดก็ใช้ผูกเพื่อประโยชน์การใช้สอยต่างๆ กัน ยังมีการผูกเงื่อนอีกประเภทหนึ่ง  ซึ่งมีประโยชน์ต่อกิจการลูกเสือมาก  ได้แก่  การผูกแน่น 
                การผูกแน่น   เป็นการผูกวัตถุให้ติดกันแน่นเข้าด้วยกันโดยใช้เชือกหรือวัสดุคล้ายเชือก  ซึ่งมีประโยชน์ต่อลูกเสือเป็นอย่างมากในการเข้าค่ายพักแรมหรือเดินทางไกล 
ซึ่งแบ่งเป็น 3 ลักษณะ 
1. การผูกประกบ (Sheer Lashing)
2. ผูกทแยง (Diagonal  Lashing)
3. ผูกกากบาท (Square  Lashing)
1. การผูกประกบ (Sheer Lashing)
                ผูกประกบเป็นการผูกไม้ด้วยวิธีจับไม้   2 ท่อนมาเข้าคู่กัน แล้วผูกต่อเข้าด้วยกันให้แน่น ซึ่งมีการผูกหลายวิธีแต่วิธีที่นิยมกันมากได้แก่ ผูกประกบ 2 ท่อน ผูกประกบ 3 ท่อน 
ประโยชน์   มีดังนี้
1. ใช้ต่อไม้หลาย ๆ ท่อนให้ยาวออกไป
2. ใช้ผูกต่อไม้ในการก่อสร้าง
3. ใช้ผูกต่อพลองทำเสาธงลอย

วิธีการผูกประกบ  ท่อน
 

 วิธีการผูกประกบ  ท่อน

 ผูกทแยง (Diagonal  Lashing)
               
                การผูกทแยง เป็นการผูกท่อนไม้ที่ไขว้กันอยู่ให้ติดแน่นเข้าด้วยกัน  เช่น
ใช้ผูกนั่งร้านในการก่อสร้าง  ใช้ผูกตอม่อสะพาน  การสร้างที่พักอาศัย
ของชาวบ้านด้วยไม้ไผ่   เป็นต้นก็มักจะใช้วิธีการผูกแน่นแบบนี้

ประโยชน์   มีดังนี้
1.ใช้ผูกนั่งร้านในการก่อสร้างให้เกิด
   ความมั่นคง
2.ใช้ผูกไม้ค้ำยันเสาป้องกันเสาล้ม
3.ใช้ผูกตอม่อเสาสะพาน
วิธีการผูกทแยง

ผูกกากบาท
                การผูกกากบาท  เป็นการผูกไม้ที่ไขว้กันอยู่ซึ่งคล้ายกับการผูกทแยง  การผูกกากบาทแบบธรรมดา  และการผูกแบบญี่ปุ่น
ประโยชน์   มีดังนี้
1.ใช้ผูกนั่งร้านในการก่อสร้าง
2. ใช้ผูกสร้างค่ายพักแรมและอุปกรณ์ค่ายพักแรม
3. ใช้ทำรั้วหรือคอกสัตว์
4 .ใช้ผูกตอม่อเสาสะพาน
วิธีการผูกกากบาทแบบธรรมดา








 




1 ความคิดเห็น: